วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

วิชาชีพการโรงแรมและการท่องเที่ยวกับอาเซียน

วิชาชีพการโรงแรมและการท่องเที่ยวกับอาเซียน
ประเทศไทยมีรายรับจากธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและโรงแรมสูงเป็นอันดับต้นๆ ในกลุ่มอาเซียน   ตามเอกสารรายงานของ World Economic Forum เรื่องขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลกปี 2008-2009 พบว่า ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยส่วนใหญ่มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการและการทำตลาด อีกทั้งสินค้าท่องเที่ยวของไทยก็มีความโดดเด่นมิใช่น้อย  ไม่ว่าจะเป็นความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรม มาตรฐานในระดับสากลของโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ขณะเดียวกันโรงแรมที่พักของไทยก็มีหลายรูปแบบให้เลือกสรร ภายใต้ระดับราคาที่หลากหลาย อีกทั้งอาหารไทยเองก็มีความโดดเด่นด้านรสชาติและวิธีการปรุง  รวมถึงการบริการของไทยก็เป็นไปด้วยไมตรีจิตที่ดีเยี่ยม  (อ้างอิงจาก ศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทย )
สำหรับบุคลากรในสาขาการท่องเที่ยวของประเทศไทย ยังมีความอ่อนในด้านทักษะของการใช้ภาษาต่างประเทศ และภาษาของประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียน
ด้านการฝึกอบรมในวิชาชีพสาขาการโรงแรมและการท่องเที่ยว ยังไม่ครอบคลุม  จึงทำให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานและสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกันจัดทำ MOU เพื่อก่อให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาฝีมือแรงงงานในด้านนี้ให้มากขึ้น โดยมีการกำหนดระยะเวลา 3 ปี (พ.ศ.2555-2557) ซึ่งทำให้มีการจัดทำและพัฒนามาตรฐานฝีมือแรงงาน ไม่ว่าแรงงานเก่าและแรงงานใหม่ ให้มีความสอดคล้องกับตลาดทางด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น
กลุ่มอาเซียนกับการลงนามข้อตกลงด้านการเคลื่อนย้ายบุคลากรวิชาชีพการโรงแรมและการท่องเที่ยว 32 ตำแหน่งงาน  โดยมีการแบ่งเป็น 2 สาขา คือ 1.สาขาด้านโรงแรม มี 4 แผนก ได้แก่ แผนกต้อนรับ แผนกแม่บ้าน แผนกอาหาร และอาหารกับเครื่องดื่ม  2.สาขาด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ แผนกนำเที่ยวและแผนกบริหารธุรกิจนำเที่ยว ในสาขาที่พักและการเดินทาง ส่งผลให้บุคลากรด้านการท่องเที่ยวสามารถที่จะเดินทางไป ทำงานในประเทศสมาชิกอาเซียน ได้อย่างเสรีดังนั้นการเตรียมความพร้อมของบุคลากรด้านการท่องเที่ยวของไทย ให้มีสมรรถนะและศักยภาพเทียบเท่ามาตรฐานสากล รองรับการเคลื่อนย้ายบุคลากรวิชาชีพท่องเที่ยวเสรีอาเซียน จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกภาคส่วน  ที่เกี่ยวข้องควรมีความร่วมมือ เพื่อกำหนดแนวทางในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรการท่องเที่ยวให้มีสมรรถนะสูงสุดตามที่อาเซียนได้กำหนดไว้ร่วมกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และรองรับการเคลื่อนย้ายแรงงานเสรี ( หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย,ประจำวันที่ 23 มีนาคม 2555) ตำแหน่งงาน 32 ตำแหน่ง
จากการสำรวจพบว่า โดยภาพรวม แรงงานไทยด้านท่องเที่ยว ใน 32 ตำแหน่งงาน ยังมีการขาดแคลนทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ   แรงงานใหม่ที่จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีสาขาโรงแรมและการท่องเที่ยวยังมีข้อจำกัดในการทำงานที่รู้แต่ทฤษฎี ซึ่งไม่สอดคล้องกับการปฏิบัติงานจริง ซึ่งต้องอาศัยการเรียนรู้ ฝึกฝนและหาประสบการณ์ในการทำงานไปอีกสักระยะ  อีกทั้งยังปฏิเสธงานในบางตำแหน่งโดยเฉพาะพนักงานระดับปฏิบัติ เช่น งานแม่บ้าน พนักงานซักรีด ซึ่งทำให้เกิดการขาดแคลนแรงงานในส่วนนี้  รัฐบาลจึงต้องพัฒนาแรงงานระดับล่างให้ขึ้นมาทำงานส่วนนี้แทน  รวมถึงความอ่อนทักษะด้านภาษาในการสื่อสารกับลูกค้าหรือผู้มาใช้บริการซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างประเทศ เป็นต้น
1 มกราคม 2558 ท่านพร้อมหรือยังในการเป็นประชาคมและประชาชนชาวอาเซียน ?

วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

การสร้างพลังสามัคคี


การสร้างพลังสามัคคี
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
                นับตั้งแต่เหตุการณ์ไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จนกระทั่งมาถึงการเหตุการณ์ความขัดแย้งทางด้านการเมือง มีการแบ่งสีแบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจน ตลอดจนถึงฝ่ายการเมือง ข้าราชการ  บางท่านมีปัญหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ตลอดจนถึงการขาดคุณธรรมและจริยธรรมของผู้ปกครองประเทศ ปัจจัยเหล่านี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประเทศชาติได้รับความเสียหาย
                การสร้างพลังสามัคคีจึงถือว่าเป็นคุณธรรมที่สำคัญ ที่จะช่วยให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข เกิดความเจริญรุ่งเรือง เพราะหากคนในชาติยังแตกแยกกันอยู่ แล้วเราจะไปเอาพลังจากไหน ไปสร้างชาติ ไปแข่งขันกับประเทศอื่นๆ  บรรพบุรุษของเราได้รักษาชาติ ได้รักษาเอกราช ได้กอบกู้ชาติ เอาไว้ก็ด้วยความสามัคคีไม่ใช่หรือ ในทางตรงกันข้าม กรุงศรีอยุธยาเสียกรุงครั้งที่ 1 ปี พ.ศ.2112 สมัยพระมหินทราธิราช และเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่ประเทศพม่าในครั้งที่ 2  ก็เพราะสาเหตุอะไร สาเหตุประการหนึ่งก็คือประชาชนชาวไทยในยุคนั้นขาดความสามัคคี เกิดความแตกแยก เกิดความชิงดีชิงเด่นกัน ไม่ใช่หรือ
                สามัคคี จากพจนานุกรม หมายถึง ความพร้อมเพรียงกัน,ความปรองดองกัน  ซึ่งความสามัคคีแยกเป็น 2 ประเภท คือ
                กายสามัคคีหรือสามัคคีทางกาย ได้แก่ การที่บุคคลมาช่วยกันทำงานอย่างพร้อมเพียงกัน เช่นการลงแขกทำนา หรือบุคคลมาช่วยกันทำนาร่วมกัน , การร่วมกันสร้างหอสมุดสาธารณะ , การร่วมกันสร้างโรงเรียน เป็นต้น
                จิตสามัคคีหรือสามัคคีทางใจ ได้แก่ ความพร้อมเพรียงกันด้วยน้ำใจ การไม่ทะเลาะวิวาทกัน การไม่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน การไม่ดูถูกเหยียดหยามกัน แต่มีความรักผูกพัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
                 จิตสามัคคีหรือสามัคคีทางใจ จึงถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญกว่ากายสามัคคีหรือสามัคคีทางกาย เพราะ กายสามัคคีหรือสามัคคีทางกาย บางกรณีอาจถูกบังคับให้ทำก็ได้ เช่น การถูกเจ้านายใช้อำนาจบังคับให้ทำงานร่วมกัน หรือการยกของอันหนักโดยถูกการบังคับให้ทำ โดยที่จิตสามัคคีหรือสามัคคีทางใจ ยังไม่เกิดขึ้นร่วมกันก็เป็นไปได้ กรณีที่ถูกบังคับจึงเป็นความสามัคคีในระดับที่ต่ำ เพราะไม่เป็นการทำด้วยใจและเป็นการถูกบังคับให้ทำชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ฉะนั้นจิตสามัคคีหรือสามัคคีทางใจจึงเป็นคุณธรรมที่ลึกซึ้งและส่งผลบวกมากกว่ากายสามัคคีหรือสามัคคีทางกาย
                ส่วน การเล่นการพนัน การร่วมกันปล้น ร่วมกันฆ่า ร่วมกันข่มขืน ไม่จัดว่าเป็นความสามัคคี เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนและยังเป็นการผิดกฎหมายอีกด้วย
                สาเหตุของการแตกสามัคคี  คือ
1.การโทษผู้อื่น พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า “ โทษของคนอื่นเห็นได้ง่าย ส่วนโทษของตนเห็นได้ยาก”  คนเรา
มักโทษคนอื่นมากกว่าโทษตนเอง ทั้งๆที่บางกรณีเราเองก็เป็นฝ่ายที่ผิด
2.การมองคนอื่นในแง่ร้าย การเป็นคนหูเบา เชื่อคนอื่นๆได้ง่าย เมื่อใครพูดยุก็หูเบาเชื่อ ท่านหลวงพ่อพุทธทาส
จึงได้สอนเป็นบทกลอน บทประพันธ์ไว้ว่า
                                เขามีส่วน                                                เลวบ้าง                   ช่างหัวเขา
                                จงเลือกเอา                             ส่วนที่ดี                  เขามีอยู่
                                เป็นประโยชน์                       โลกบ้าง                  ยังน่าดู
                                ส่วนที่ชั่ว                                                อย่าไปรู้                  ของเขาเลย
                                จะหาคน                                 มีดี                           โดยส่วนเดียว
                                อย่ามัวเที่ยว                            ค้นหา                      สหายเอ๋ย
                                เหมือนเที่ยวหา                      หนวดเต่า                                ตายเปล่าเลย
                                ฝึกให้เคย                                                มองแต่ดี                 มีคุณจริง”
                3.การพูดเสียดสีกระทบกระทั่งเป็นเหตุทำลายความสามัคคี ปากหรือคำพูดจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อการอยู่ร่วมกันในสังคม ในหมู่คณะ เพราะคำพูดสามารถสร้างมิตรหรือก่อศัตรูได้ในเวลาเดียวกัน จึงมีคำสอนของคนโบราณที่กล่าวไว้ว่า “ อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด อยู่กับมิตรให้ระวังคำพูด”
                4.ความโกรธ เป็นอารมณ์ที่หากผู้ใดควบคุมไม่ได้ ก็จะโดนอารมณ์โกรธควบคุมตัวท่าน หลวงพ่อชาเคยกล่าวไว้ว่า “ เวลาโกรธขึ้นมา จบด็อกเตอร์กับจบประถม 4 ก็โง่พอๆกัน” ดังนั้น เหตุที่เกิดการทะเลาะกัน การตีกัน การฆ่าฟันกัน ก็มาจากสาเหตุหนึ่งก็คือความโกรธนั่นเอง
                ดังนั้นการสร้างความสามัคคีขึ้นมาในชาติจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะกระผมเชื่อว่า บ้านที่มีรอยแตกร้าวอยู่ไม่สามารถอยู่มั่นคงถาวรฉันใด  ประเทศชาติที่ขาดความสามัคคีก็ไม่สามารถอยู่อย่างมั่นคงถาวรฉันนั้น

               

วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554

อนาคตที่รออยู่ข้างหน้ากับองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค

อนาคตที่รออยู่ข้างหน้ากับองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
                เนื่องจากวันที่ 20 ตุลาคม 2554 กระผมได้มีโอกาสเข้าร่วมเวทีสภาผู้บริโภค “ อนาคตที่รออยู่ข้างหน้ากับองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ” ณ โรงแรมพะเยาเกทเวย์ จังหวัดพะเยา จัดโดย...กลุ่มงานภารกิจด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม , มูลนิธิพะเยาเพื่อการพัฒนา, สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพะเยา,ศูนย์ให้บริการและสนับสนุนนิสิตพิการ,มหาวิทยาลัยพะเยา,สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.),สำนักงานยุติธรรมจังหวัด,สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพะเยา,บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ,สำนักงานสภาทนายความจังหวัดพะเยา,เครือข่ายผู้บริโภคจังหวัดพะเยา และสนับสนุนโดย....กลุ่มงานภารกิจด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม ภายใต้...กสทช.,แผนงานคุ้มครองผู้บริโภค(คคส.),สำนักงานสำนักกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.),มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
                ภายในเวที มีการแสดงละครสะท้อนปัญหาผู้บริโภค จาก..ชุมชนคุ้มครองผู้บริโภคโรงเรียนพะเยาพิทยาคม พิธีเปิดโดย รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา มีการชมวีดีทัศน์เรื่อง “ เสียงและมุมมองเครือข่ายผู้บริโภคจังหวัดพะเยากับพรบ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค” และมีช่วงเสวนา “ ประชาชนจะได้อะไรจาก พรบ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครอง”
อีกทั้งยังมีการแบ่งกลุ่มย่อยตามห้อง โดยมีหัวข้อต่างๆ เช่น ด้านการบริการสาธารณะ(รถโดยสารสาธารณะ),ด้านบริการสุขภาพ(หลักประกันสุขภาพ),ด้านสินค้าและบริการทั่วไป(แร่ใยหิน),ด้านสื่อสารและโทรคมนาคมและด้านอาหาร ผลิตภัณฑ์สุขภาพ     ช่วงสุดท้ายของงานมีการนำเสนอและหาทางออกแต่ละประเด็น
                จากการเข้าร่วมเวทีดังกล่าว ทำให้กระผมได้ทราบข้อมูลและความเคลื่อนไหวของ พรบ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ขณะนี้ยังอยู่ในส่วนของนิติบัญญัติหรือรัฐสภาในการพิจารณา ตามข่าว “ 30 ก.ย.2554 นางสาวสารี  อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 54 ที่ผ่านมานางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือถึงประธานรัฐสภา แจ้งผลการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อร่างพระราชบัญญัติที่ค้างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา และได้ลงมติให้ร้องขอต่อรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบให้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติรวมทั้งสิ้น ๒๕ ฉบับ โดยในจำนวนนั้นมี ร่าง พ.ร.บ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ......... และกฎหมายที่ประชาชนเข้าชื่อหมื่นรายชื่อรวมอยู่ด้วย 9 ฉบับ”
                ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นภายในพื้นที่จังหวัดพะเยา เนื่องจากผู้บริโภคขาดความรู้ ความเข้าใจ ขาดข้อมูลและถูกผู้ประกอบการเอาเปรียบโดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ทางด้านโทรคมนาคม เช่น เรื่องของค่าบริการโทรศัพท์มือถือ  , ข้อความรบกวนใจ , บริการเสริมไม่ได้สมัคร , บริการเสริมเพลงรอสาย ฯลฯ
                สำหรับในประเด็นรถโดยสารสาธารณะ ผู้บริโภคควรมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ จับตา ร้องเรียนต่อหน่วยงานที่ดูแลในงานคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อช่วยกันไม่ให้ผู้ประกอบการเอาเปรียบ เช่น ช่วยกันจับตาในเรื่องของคนขับรถโดยสาร หากขับด้วยความประมาท ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ กินเหล้า สูบบุหรี่ ในขณะขับรถโดยสาร โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสาร , สภาพรถโดยสารบางคันมีสภาพเก่า ยางโล้น ชำรุดทรุดโทรม , พนักงานบริการ บริการด้วยคำพูดไม่สุภาพ ไร้หัวใจในงานบริการ เราสามารถร่วมแจ้งหรือให้ข้อมูลไปที่ หน่วยพิทักษ์ รถโดยสารปลอดภัย โทรศัพท์ 02-2483737 มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่า รถโดยสารประจำทางบางคัน เก่ามากๆ ซึ่งไม่น่าจะผ่านการตรวจสอบ แต่ก็ยังสามารถใช้เป็นรถโดยสารสาธารณะได้  สำหรับการประกันชีวิตหรือระบบการประกันภัย เมื่อผู้บริโภคได้รับอันตรายจากการโดยสารรถโดยสารสาธารณะ เงินค่าชดเชย บางรายได้รับค่าชดเชยน้อยมาก อีกทั้งยังต้องมีการฟ้องร้องเป็นคดีความถึงจะได้รับค่าชดเชย
                แร่ใยหิน ภัยใกล้ตัวอีกตัวหนึ่ง ที่ควรต้องระวัง แร่ใยหินทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายทำให้เป็นโรคต่างๆ เช่น โรคปอดอักเสบจากแอสเบสตอส , โรคเยื่อหุ้มปอดหนาตัว,โรคมะเร็งปอด และ โรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอดหรือเมโสธีลิโอมา กลุ่มที่เสี่ยงมากที่สุดเป็นกลุ่มที่ทำงานในโรงงานที่ใช้แร่ใยหิน ในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงผู้ใช้แรงงานในการทำงานก่อสร้าง ทำลายรื้ออาคารต่างๆ ที่มีโอกาสสูดฝุ่นละอองของแร่ใยหิน
                พฤติกรรมการทานยาหรืออาหารเสริม ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ถูกผลประกอบการเอาเปรียบ ไม่ว่าการมีการโฆษณาทางวิทยุชุมชน โทรทัศน์ดาวเทียม สื่อต่างๆ ที่มีการโฆษณาเกินจริง อาหารเสริมบางตัวมีการโฆษณาถึงการรักษาโรคต่างๆ แบบครอบจักรวาล เช่น การรักษาโรคมะเร็ง , การรักษาโรคเอดส์ , การรักษาโรคติดต่อต่าง ฯลฯ อีกทั้งยังมีรถขายยาเร่ในชุมชนต่างๆ ที่นำยาที่หมดอายุ ยาที่ด้อยคุณภาพ มาขายอีกด้วย
                ดังนั้น ในความคิดเห็นของกระผม พรบ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค จึงมีส่วนสำคัญในการทำให้ผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบน้อยลง อีกทั้งพวกเราทุกคนที่เป็นผู้บริโภคควรช่วยกันสนับสนุน แต่ที่ผ่านมาพวกเราที่อยู่ในฐานะผู้บริโภคมักยินยอม และไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้ หรือเรียกร้อง  ดังเช่น การยินยอมซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่เขียนว่าคู่ละราคาละ 80 บาท แต่ในความเป็นจริงผู้ขาย ขายในราคาเกินความเป็นจริง เป็นต้น
                แต่สิ่งที่กระผมให้ความห่วงใย หากมี พรบ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค เกิดขึ้นจริงๆ อาจจะต้องแก้ปัญหาในเรื่องการบังคับใช้กฎหมายในสังคมไทยตามมา เนื่องจากผู้ที่บังคับใช้กฎหมาย ยังไม่มีการบังคับใช้กฏหมายกันอย่างจริงจัง ประเทศไทยเรามีการออกกฎหมายมามากมาย แต่มักมีปัญหาเรื่องการบังคับใช้ นี่คืออีกปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทย